การผ่อนคลายมาตรการบางส่วนเพื่อให้ประเทศสามารถขยับขยายจากความกดดันช่วงล็อกดาวน์ ก็พอให้เศรษฐกิจการค้าระดับชุมชน ได้พอหายใจประคองตัวไปอีกระยะหนึ่ง แต่ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ไม่คาดคิดก็ได้เกิดขึ้น จากการเอกสิทธิ์ทางการทหาร และการทูตแก่ชาวต่างชาติ อันเป็นเงื่อนไขข้อตกลงที่ประชาชนไม่รู้มาก่อน
อย่างไรก็ตาม ทำให้เกิดตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 นอกสถานกักตัวอีกครั้ง และครั้งนี้เป็นที่น่าตกใจอีกว่าการติดเชื้อไม่ได้ถูกจำกัดวงอยู่เฉพาะภายในพื้นที่ แต่กลับระบุให้แน่ชัดไม่ได้ถึงปริมาณการแพร่กระจายของเชื้อว่ามีการแพร่กระจายสู่ประชาชนชาวไทยแล้วหรือยัง? ซึ่งหากสามารถระบุให้ชัดเจนได้เร็วในลักษณะของกรณีสนามมวยที่เกิดขึ้นครั้งก่อน ก็จะทำให้สามารถตีกรอบผู้มีความเสี่ยงได้ง่ายขึ้นเช่นกัน เพื่อป้องกันการแพร่กระจายแบบไร้ขอบเขต
กรณีที่เกิดขึ้นนี้คือสิ่งบ่งชี้สองประการ คือ
1.มาตรการการผ่อนปรนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ อาจจะไม่สามารถทำได้เลยจนกว่าจะพบวัคซีนที่ใช้เพื่อการรักษาได้จริง
2.ความผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจทำลายทุกอย่างที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงความเชื่อมั่นของประชาชนต่อมาตรการการควบคุมโรค ที่หากรัฐบาลจะกู้คืนความเชื่อมั่นอีกครั้งวิกฤติระลอกที่สองนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของมาตรการรัฐอย่างไทยชนะ และความชอบธรรมในการคงอยู่ของ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน ว่าจะมีประสิทธิภาพเพียงพอหรือไม่
แต่ที่สำคัญคือการคงอยู่ของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่หลายฝ่าย โดยเฉพาะฝ่ายค้านได้ออกมาโจมตีว่าไม่จำเป็นนั้น ในวันนี้อาจจำเป็นต่อการบริหารประเทศแล้ว หรือการลงทะเบียนไทยชนะในช่วงเวลาที่ผ่านมาที่อ้างถึงการสามารถติดตามตัวผู้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้อย่างรวดเร็วนั้นย่อมทำให้กรณีของกลุ่มทหารต่างชาติที่ได้ออกจากที่พักไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ไทยชนะเองย่อมต้องติดตามประชาชนที่คาดว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงได้หรือไม่? เพราะไม่เช่นนั้นแล้วเท่ากับว่าระบบข้อมูลที่ให้ลงทะเบียนมาตลอด 2-3 เดือน ไม่มีประสิทธิภาพโดยสิ้นเชิง และจะเป็นความผิดพลาดของรัฐบาลที่อาจถูกนำไปใช้เพื่อโจมตีทางการเมืองต่อไปได้
และเมื่อวิเคราะห์ถึงข้อมูลที่ว่าแม้ประเทศไทยจะไม่มีผู้ติดเชื้อแต่เมื่อเปิดให้มีการเดินทางจากนอกประเทศเข้ามาโดยไม่ต้องผ่านการกักตัวนั่นเท่ากับว่าเป็นการเปิดรับความเสี่ยงจากชาวต่างชาติด้วย เพราะขณะนี้ต่างประเทศยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างต่อเนื่องและไม่มีทีท่าจะหยุดลงในเร็วนี้หรือจนกว่าจะมีวัคซีน ซึ่งนั่นเท่ากับว่าแผนในการเปิดรับนักท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าจะกลับเป็นปกติ จึงทำให้ภาคการท่องเที่ยวที่มีรายได้คิดเป็นกว่า 21 เปอร์เซ็นต์ ของจีดีพี กำลังน่าเป็นห่วงและคงต้องรอมาตรการจากภาครัฐที่จะกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวโดยอาศัยกลไกภายในประเทศ อย่าง ชิม ช้อป ใช้ หรือโครงการที่สอดคล้องกับสถานการณ์วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทั่วโลกอยู่ตอนนี้ หรือในอดีตอย่างวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ที่รัฐบาลในขณะนั้นต้องออกแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจในเชิงสร้างรายได้และการใช้จ่ายที่ไม่ใช่การแจกเงินเพียงอย่างเดียว จึงสามารถกู้วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศจากที่จีดีพีอยู่ในระดับติดลบจนสามารถตั้งตัวได้ก่อนประเทศอื่นๆ
และยิ่งเป็นในปัจจุบันที่มีการคาดการณ์ว่าวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังก่อตัวทั่วโลกจากปัญหาโควิด-19 จะหนักหนากว่าวิกฤติเศรษฐกิจปี’40 ในไทยเสียอีกด้วย และเกิดขึ้นกับทุกประเทศทั่วโลก ประกอบกับ ขนาดเศรษฐกิจของประเทศมหาอำนาจที่ใหญ่ขึ้น และการเชื่อมโยงของระบบการเงินที่ไร้พรหมแดน ทำให้ความรุนแรงในครั้งนี้ต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี ซึ่งนั่นยิ่งต้องทำให้ภาครัฐ โดยเฉพาะผู้ออกมาตรการทางเศรษฐกิจอย่างกระทรวงการคลังต้องออกมาตรการที่ตอบโจทย์ภาคการท่องเที่ยวมากที่สุด และคงต้องมองให้ครบทั้งระบบ ตั้งแต่ระดับเจ้าของธุรกิจ ตลอดไป
จนพนักงานในกิจการการท่องเที่ยวที่ขาดงาน หรือขาดรายได้ไปจากวิกฤติก็ควรมีมาตรการเยียวยาให้ตรงจุดซึ่งนอกจากการให้เงินช่วยเหลือแบบตรงคงต้องมีในระยะต้น
แต่ต้องทราบว่าเงินอุดหนุนเพียงอย่างเดียวไม่ได้ทำให้แรงงานสามารถอยู่ได้ การลดรายจ่ายอาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งไม่ว่าจะเป็นโครงการที่เคยออกมาแล้วอย่างการลดค่าน้ำไฟ หรือที่อยู่อาศัยราคาถูกอย่างโครงการบ้าน 999 ของการเคหะแห่งชาติ ที่ต้องเร่งขยายโครงการเพื่อช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤตินี้ไปพลางก่อน หรือการใช้งบประมาณรัฐเพื่อเตรียมความพร้อมประชาชนเพื่อรอเศรษฐกิจฟื้น อย่างเช่น การจัดการอบรมพัฒนาฝีมือทั้งในด้านของทักษะอาชีพ และทักษะภาษาที่จำเป็น เพราะในที่สุดแล้วเมื่อวิกฤติการแพร่ระบาดผ่านพ้นไป ภาคการท่องเที่ยวของไทยย่อมต้องกลับมาเดินหน้าต่อ ถึงวันนั้นหากธุรกิจเข้มแข็ง แรงงานในระบบมีความพร้อมด้านศักยภาพ ทักษะฝีมือย่อมทำให้ไทยได้เปรียบจากงานด้านบริการที่เป็นสิ่งที่เราทำได้ดีมาตลอด
ความผิดพลาดของระบบที่ผ่านมาในเรื่องเอกสิทธิ์ชาวต่างชาติบางกลุ่มในการเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว กำลังสร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนที่กำลังจะลืมตาอ้าปากอีกครั้ง หลังการควบคุมกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือเศรษฐกิจในระยองที่กำลังจะเริ่มออกตัวใหม่ ต้องสะดุดลง มาตรการของรัฐบาลในระยะต่อไปจะเป็นเครื่องชี้วัดความอยู่รอดของรัฐบาลอีกครั้ง หากภายใน 2 สัปดาห์นี้ ความชัดเจนของการแพร่กระจายยังไม่ถูกตีกรอบ ทางออกของรัฐบาลในอนาคตจะยิ่งยากขึ้น ประชาชนอาจลดความร่วมมือในการช่วยกันควบคุมโรคลง และอาจหมายรวมไปถึงกระแสต่อต้าน พ.ร.ก.ฉุกเฉินที่จะลุกลาม ขณะที่เมื่อวานนี้นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาลได้ออกมาขอโทษถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ก็ต้องติดตามต่อไปว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป และเริ่มมีกระแสเรียกร้องให้ดำเนินการบางอย่างกับประเทศที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาด เพราะเมื่อมีการตรวจสอบแล้วเห็นได้ว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาด้วยเอกสิทธิ์พิเศษต่างๆ แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลง ซึ่งเป็นการสร้างปัญหาให้ประชาชนชาวไทย จึงควรมีการเข้าไปแก้ไขหรือไม่
ภาวะของโรคคือปัจจัยหลักของการอยู่รอดของประชาชน แต่ปากท้องของประชาชนจะเป็นตัวการันตีสำคัญของเสถียรภาพของรัฐบาล จึงต้องมองให้รอบถึงปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อปากท้องประชาชน ขณะนี้เรื่องโรคระบาดกำลังเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เศรษฐกิจชะงักงัน ภาคธุรกิจในขณะนี้ก็ทราบดี แต่หน้าที่ของรัฐที่ต้องทำคือใส่ใจในชีวิตและปากท้องของประชาชนในประเทศก่อน
ขณะที่สัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ เอกสิทธิ์ทางการทูต และการทหาร เป็นสิ่งที่ต้องเคารพกันในเวทีโลกแต่ก็ต้องมีการควบคุมให้ถูกต้องตามกติกาที่ได้ให้เกียรติกันแล้ว เพราะหากหละหลวมจนส่งผลกระทบเป็นวงกว้างโดยต้องบอกว่าเรื่องนี้มีการท้วงติงจากภาคประชาชนแล้ว 1 ครั้ง ในช่วงการมาเยือนไทยของกองทัพสหรัฐ ซึ่งแม้ครั้งนั้นจะทำได้ดีในเรื่องของการควบคุม แต่ก็ต้องนำมาเป็นกติกาที่ควบคุมระบบระดับปฏิบัติการภายในหน่วยย่อยให้รอบคอบด้วย เช่น ในระดับจังหวัด รัฐบาลจะรอดหรือไม่? อยู่ครบวาระหรือไม่? ไม่ใช่เพียงแต่การควบคุมเสียงในสภา แต่เป็นการใส่ใจในชีวิตและปากท้องของประชาชนจึงจะมั่นใจในเสถียรภาพของรัฐบาลได้ และอย่าลืมว่าฝ่ายการเมืองตรงข้ามก็พร้อมจะหยิบยกข้อผิดพลาดของรัฐบาลขึ้นมาโจมตีเพื่อลดความน่าเชื่อถือและหวังผลทางการเมืองอย่างแน่นอน....
“คนขอเพียงมีชีวิตอยู่ ยากหลีกเลี่ยงจากการกระทำเรื่องที่ไม่ต้องการกระทำ”
โกวเล้ง เล็กเซี่ยวหงส์ ตอน จอมโจรปักดอกไม้
"สอง" - Google News
July 16, 2020 at 02:00AM
https://ift.tt/3h3pOqQ
คอลัมน์การเมือง - ชะลอผ่อนปรน ก่อนโควิดระลอกสอง - หนังสือพิมพ์แนวหน้า
"สอง" - Google News
https://ift.tt/3cPqHBD
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
https://ift.tt/3d22Xu4
Bagikan Berita Ini
0 Response to "คอลัมน์การเมือง - ชะลอผ่อนปรน ก่อนโควิดระลอกสอง - หนังสือพิมพ์แนวหน้า"
Post a Comment